วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์

วิธีที่จะกล่าวทั้งหมดต่อไปนี้นั้น เป็นวิธีการเบื้องต้นในการป้องกันตนเองเท่านั้น อาจจะไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ 100%
ฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ตัดการเชื่อมต่อเครือข่ายก่อนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากและผู้ใช้งานเกือบทุกคนละเลยและข้ามขั้นตอนนี้ไป ก่อนการติดตั้งระบบปฏิบัติการต้องทำการถอดสายแลนก่อน จนกระทั่งเมื่อติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเสร็จแล้วจะต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลของโปรแกรมป้องกันไวรัส เพื่อป้องกันการโจมตีจากไวรัสหรือผู้บุกรุกก่อนที่จะปรับแต่งให้เครื่องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ
การฉีดวัคซีนคุ้มกัน ก็คือการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสก็จะปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้นหลักการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อให้เครื่องปลอดภัยมีดังนี้
เลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมหรือตามที่องค์กรกำหนด การเลือกนั้นเป็นเพียงการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีและองค์กร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเครื่องที่ใช้งานอยู่มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก ก็อาจจะเลือกใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีขนาดเล็กและทำงานได้รวดเร็ว หรือถ้าบุคลากรภายในองค์กรขาดความตระหนักในการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสก็ควรที่จะเลือกโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมเครื่องดังกล่าวให้ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลหรือสแกนหาไวรัสจากระยะไกลได้ เป็นต้น
สร้างแผ่นบูต emergency disk เพื่อใช้ช่วยในการกู้ระบบ การสร้างแผ่น emergency disk หรือบางครั้งอาจเรียกว่า Rescure disk นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเครื่องติดไวรัสที่ไม่สามารถจะกำจัดได้โดยผ่านระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หรือผลกระทบของไวรัสที่ทำให้เครื่องไม่สามารถบูตได้ตามปกติ เราก็สามารถใช้แผ่น emergency disk มาช่วยในการกู้ข้อมูลและกำจัดไวรัสออกจนทำให้บูตเครื่องได้ตามปกติ
ปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสทุกวันหรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ขั้นตอนนี้เปรียบเสมือนหัวใจของการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาออกมาใหม่ทุกวัน ดังนั้นจึงควรที่จะสอนโปรแกรมป้องกันไวรัสให้รู้จักไวรัสชนิดใหม่ๆ ด้วย โดยการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้งานนั่นเอง
เปิดใช้งาน auto - protect โดยส่วนใหญ่โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ติดตั้งจะทำการสร้างโพรเซสที่จะตรวจหาไวรัสตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสสามารถถูกเอ็กซิคิวต์ในเครื่องได้
ก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นที่นำมาใช้จากที่อื่นให้สแกนหาไวรัสก่อน แผ่นดิสก์ที่นำไปใช้ที่อื่นแล้วนำกลับมาเปิดที่เครื่อง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าแผ่นนั้นไม่มีไวรัสอยู่ ดังนั้นควรจะตรวจหาไวรัสในแผ่นก่อนที่จะเปิดอ่านข้อมูลที่ถูกบรรจุในแผ่นดิสก์ดังกล่าว
ทำการตรวจหาไวรัสทุกสัปดาห์ ในแต่ละสัปดาห์แน่นอนว่ามีไฟล์ที่ผ่านเข้าออกเครื่องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อี-เมล์ที่ได้รับ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต ตลอดจนไฟล์ชั่วคราวของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่เก็บในแต่ละครั้งที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไฟล์เหล่านั้นไม่มีไวรัสแฝงตัวมา ดังนั้นจึงควรที่จะทำการตรวจหาไวรัส โดยการสแกนหาทั้งระบบ อาจจะเป็นทุกเย็นของวันศุกร์ก่อนกลับบ้านก็เป็นได้

อ้างอิง
http://www.thaicert.nectec.or.th/paper/virus/protectvirus.php

อาการของเครื่องที่ติดไวรัส

สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาก ารดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู ่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ

อ้างอิง

http://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=22607.0

Windows XP

Windows XP ที่สร้างโดย Microsoft มีทั้งหมด 3 Version ได้แก่
1) Windows XP starter Edition เป็น Windows XP ที่มีความสามารถตำสุด
2) Windows XP Home Edition/Windows XP Media Center Edition เป็น Windows XP ที่ออกแบบออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ตามบ้านใช้งาน เน้นที่การใช้งานทั่วไป และการใช้งาน Multimedia สิ่งที่ทำไม่ได้
3) Windows XP Professional Edition เป็น Windows XP ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานใน Office มีความสามารถมากที่สุด แต่มีเวอร์ชั่นอื่นที่ไม่ได้สร้างโดย Microsoft เช่น Dark Edition , Ice Edition อีกด้วย

อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/namjai/33509

สแกนเนอร์ (Scanner)




สแกนเนอร์ (Scanner)สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สแกนเนอร์แบ่งป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1. สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)

2. สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)

3. สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)
อ้างอิง

การเลือกวื้อการ์ดเสียง




ขั้นแรกท่านควรรู้ก่อนว่าท่านจะนำ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) นี้ไปใช้งานเกี่ยวกับประเภทใด เพื่อที่จะได้ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่าน เนื่องจาก Sound Card ก็เหมือนกับอุปกรณ์อื่น ซึ่งมีหลายรุ่น หลายความสามารถ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า และความต้องการที่หลากหลายกันออกไป หากท่านต้องการ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) เพื่อนำไปใช้งานกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการฟังเพลง เล่นเกมเล็กๆน้อยๆ เราคงไม่ต้องการ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่มีศักยภาพในการสร้างเสียงแบบ 3 มิติที่ให้เสียงที่กระหึ่มและมีความสมจริงเท่าไหร่นัก Sound Card (ซาวนด์การ์ด) แบบหลายๆ แชนแนลที่มีระบบสามมิติในแบบต่างๆ ก็ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับงานแบบนี้ แต่ถ้าต้องการเสียงที่มีความสมจริงมากขึ้น สามารถสร้างเสียงที่มีมิติ มีความไพเราะและความหนักแน่นจากเสียงที่ได้จาก Sound Card (ซาวนด์การ์ด) Sound Card (ซาวนด์การ์ด) แบบหลายแชนแนล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เหมาะสำหรับบบรรดาคอเกมและคอเพลงทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งนักดนตรีทั้งหลายที่หวังจะใช้ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) นี้ในการอัดเพลงต่างๆ เพื่อให้เสียงที่ได้ดังมีคุณภาพ งบประมาณเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการที่จะซื้อ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ไว้ใช้งานกัน การลงทุนเพื่อแลกมาด้วยระบบเสียงที่มีคุณภาพระดับ High End คงจะต้องแลกกับงบประมาณที่สูงมาก บางทีอาจซื้อเครื่องใหม่ได้เลย หากคุณไม่ใช่คอเกมหรือคอเพลงขนานแท้หรือมีเงินเหลือใช้เยอะๆ แล้วคงไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนี้ก็ได้วิธีหา Sound Card (ซาวนด์การ์ด) มาใช้งานนั้น เมื่อท่านไปเดินตามตลาดไอทีต่างๆท่านคงจะพบว่าราคาของ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) นั้นมีความแตกต่างกันมาก มีทั้งที่มีราคาไม่แพงมากไปจนถึงที่มีราคาแพงเป็นหมื่นก็มี แล้วท่านจะรู้ได้ไงว่า Sound Card (ซาวนด์การ์ด) อันไหนเหมาะสมกับท่านมากที่สุด ทางที่ดีท่านควรจะทดสอบด้วยการฟังจากหูตัวเองเป็นดีที่สุด เนื่องจากแต่ละคนก็จะมีการฟังและความชอบที่แตกต่างกัน ควรให้ทางร้านทำงานทดสอบเสียงให้ฟังเสียก่อน เพราะบางครั้ง Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่มีราคาแพง เสียงที่ออกมาอาจไม่ถูกใจเราก็ได้ ซึ่งบางร้านอาจไม่ทดลองให้ฟังก็ได้ก็ได้ ดังนั้นจึงควรต้องสอบถามจากคนรู้จักหรือจากคนอื่น เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการเลือกซื้อต่อไปครับ
บทสรุป
อ้างอิง

การใช้งานโมเด็ม





1. เมื่ออยู่ในหน้าจอรับส่งข้อมูล ทำการเรียกใช้โมเด็มไปยังเครือข่าย โดยใช้คำสั่ง ATZ แล้วกด Enter
2. เรียกใช้คำสั่งในการติดต่อโมเด็มผ่านสายโทรศัพท์ เช่น เมื่อต้องการติดต่อกับสายโมเด็มหมายเลข 940-5800 ให้พิมพ์คำสั่งดังนี้
atdt 9405800 (กรณีที่ใช้คู่สายโทรศัพท์แบบกดปุ่ม) แล้วกด Enter
atdp 9405800 (กรณีที่ใช้คู่สายโทรศัพท์แบบหมุน) แล้วกด Enter
3. ถ้าติดต่อกับโมเด็มจะมีเสียงสัญญาณ และจอภาพจะแสดงคำว่า "RRING" ถ้าสามารถติดต่อได้จะมีข้อความปรากฏว่า "CONNECT" หลังจากนั้นให้กดปุ่ม Enter 2 ครั้ง ถ้าไม่สามารถติดต่อได้จะมีข้อความ "NO CARRIER" ปรากฏขึ้นมา ให้กดปุ่ม Esc และทำในขั้นตอนที่ 1 ซ้ำ จนกว่าจะสามารถติดต่อได้
4. ถ้าติดต่อกับเครือข่ายฯ ได้แล้วจะปรากฏข้อความดังนี้
Sun OS (nontri)
Login :
5. ให้ทำการใส่ Accout name ที่ท่านได้รับจากสำนักบริการ- คอมพิวเตอร์ และใส่รหัส Password ถ้าท่านป้อนข้อมูลถูกต้อง ท่านก็จะเข้าสู่หน้าจอของนนทรีเน็ต (ดังรูป) เท่านี้ท่านก็สามารถเข้าไปสู่โลกของ นนทรีเน็ตได้แล้ว
อ้างอิง

การเลือกซื้อจอภาพ




การเลือกซื้อจอภาพแบบแบบ LCD Monitor (แอลซีดี มอนิเตอร์) นั้นสามารถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ที่ต้องการจะเลือกซื้อจอภาพแบบ LCD Monitor (แอลซีดี มอนิเตอร์) มาใช้งานนั้นสามารถที่จะเลือกซื้อจอภาพที่เหมาะสมกับตัวผู้ใช้งาน และสามารถที่จะใช้งานได้ถึงประสิทธิภาพสูงสุดของจอภาพ และถึงแม้จอภาพแบบ LCD Monitor (แอลซีดี มอนิเตอร์) ยังมีราคาที่แพงกว่าจอภาพ CRT Monitor (ซีอาร์ที มอนิเตอร์) อยู่มากนั้นแต่ประสิทธิภาพ และประโยชน์ที่จะได้รับจากจอภาพแบบ LCD Monitor (แอลซีดี มอนิเตอร์) นั้นก็มีไม่น้อยถ้าจะตั้งงบในการเลือกซื้อจอภาพ มากขึ้นสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ดีและสมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่า การใช้งานที่ภาพที่ไม่เมาะสมกับงานที่ทำ หรือการตั้งค่าที่ผิดไป ผลเสียในจะมีต่อผู้ใช้ โดยตรง ซึ่งย่อมเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย จึงอยากจะให้ผู้ที่ต้องการจะเลือกซื้อจอภาพมาใช้งานนั้นเลือกซื้อจอภาพที่ดีมีคุณภาพ และเหมาะสมกับผู้ใช้ใหม่ มากที่สุด ซึ่งผลงานที่ได้ออกมานั้นก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดตามมาเหมือนกัน
อ้างอิง

จอภาพแบบ lcd ต่างจาก crt อย่างไร





การแสดงผลผ่านจอภาพแบบต่างๆ มีวิวัฒนาการน่าสนใจ มันก็คือการการใช้งานสื่อสารซึ่งกันและกัน บทบาทของ เทคโนโลยีจอภาพล้วงลึกเจาะไชเข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เริ่มจากที่บ้าน สถานที่ทำงาน ทั้งจอโทรทัศน์ มอนิเตอร์คอมพิวเตอร์และ ขนาดเล็กลงเป็นหน้าจอโทรศัพท์ อะไรๆก็เป็นจอภาพทั้งนั้น เพียงแต่ว่าจอภาพเหล่านั้นได้ออกแบบมาผิดแผกแตกต่างกันทั้งวัตถุประสงค์การนำมาใช้งาน เทคนิคเฉพาะตัว ระบบจอชนิด CRT (Cathode Ray Tube) ที่ใช้เทคโนโลยีของหลอดภาพ CATHODE RAY TUBE (CRT) โดยองค์ประกอบหลักของหลอดภาพ ซึ่งใช้ส่วนปลายของหลอดภาพ จะมีตัวยิงจุดรวมแสงกวาดไปมาควบคุมและเบี่ยงเบนทิศทางการทำงาน ด้วย Yoke แล้ว ทำให้การสแกนเส้นภาพนั้นให้ผลกระทบ phosphor ซึ่งเคลือบอยู่ด้านในของจอภาพ เพื่อที่เราจะได้ภาพเคลื่อนไหวตามต้องการ จอCRT นับว่าเป็นจอภาพที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เนื่องจากได้ความคมชัดและสีสันสวยงาม แต่ขนาด น้ำหนัก ความเทอะทะ ทำให้มันต้องค่อยๆลดบทบาทตัวเองลงไป และปล่อยให้จอแบนบาง หรือFLAT &SLIMเข้ามาแทนที่ อีกไม่ช้าไม่นานก็จะกลายเป็นความหลังในพิพิธภัณฑ์ ขนาดจอCRTปัจจุบันมีตั้งแต่21-36นิ้ว จอผลึกเหลว LCD (Liquid Crystal Display) เป็นจอภาพที่ไม่มีหลอดภาพ หรือปืนอิเล็กตรอนสำหรับกวาดหน้าจอ องค์ประกอบของจอภาพ เริ่มจากแหล่งกำเนิดแสง back light บนแผ่นโพลารอยด์ด้านหลังชั้นของ Twisted-Nematic (TN) LCDจะมีการหุ้มด้วยแผ่นแก้วหรือกระจกทั้ง 2 ด้าน ใช้แผ่นโพลารอยด์ด้านหน้าผนวกกับชั้นนอกสุดเป็นแผ่นกันการสะท้อนแสง การทำงานจริงๆนั้นผลึกเหลวที่หยอดเอาไว้ระหว่างช่องกระจกจะถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ทำให้โมเลกุลของลิควิดคริสตัลในส่วนของจุดภาพ พิกเซล (pixel) นั้นหมุนเป็นมุม 90 องศา เพื่อให้เกิดได้ทั้งจุดสว่าง และจุดมืด หากเรากล่าวว่าเทคนิคของLCD คือการบิดตัวโมเลกุล แล้วเอาเงาของมันมาใช้งานก็ถือว่าถูกต้องอย่างที่สุด ขนาดจอLCD มีตั้งแต่10นิ้วไปจนถึง60นิ้วนับว่ามีการใช้งานกว้างขวางมาก
อ้างอิง

จอภาพ เป็นอุปกรณ์ที่รับสัญญาณจากการ์ดแสดงผล มาแสดงเป็นภาพบน จอภาพ ซึ่งเทคโนโลยีจอภาพในปัจจุบันคงจะเป็น จอภาพแบบ Trinitron และ Flat Screen(จอแบน) ไม่ว่าจะเป็น CRT(moniter ทั่วไป) หรือ LCD (จอที่มีลักษณะแบนเรียบทั้งตัวเครื่อง) จอแบนจะมีประสิทธิภาพ ในการแสดงผลมากกว่าจอปกติ เพราะสามารถลดแสดงสะท้อนได้ดี กว่าทำให้ไม่เกิดอาการเมื่อยล้า และปวดตาเมื่อต้องทำงานนาน ๆ แต่ ราคาของจอแบนยังมีราคาสูงกว่า จอปกติพอสมควรทำให้ยังไม่เป็น ที่นิยมมากนัก แต่ในอนาคตอันใกล้จอแบนคงจะมีราคาที่ถูกกว่านี้ และเป็นมาตรฐานของจอภาพคอมพิวเตอร์ในอนาคต
อ้างอิง